เรื่องเล่าจากห้องเรียนบัลเล่ต์ของเด็กญี่ปุ่น


มีคุณแม่ในญี่ปุ่นที่กำลังคิดอยากให้ลูกสาวเรียนบัลเล่ต์กันบ้างไหมคะ?? วันนี้แอดมินจะมาเล่าประสบการณ์การส่งลูกสาว 5 ขวบไปเรียนบัลเล่ต์ให้ฟังกันค่ะ ว่าเป็นยังไงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอะไรไว้บ้าง 555


เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ เมื่อราวๆเดือน พฤศจิกายนปีที่แล้ว แอดมินสมัครเรียนบัลเล่ต์ให้ลูกสาววัย 5 ขวบ ด้วยความสมัครใจและเต็มใจมากๆ ของเจ้าตัวค่ะ ขอเรียนบัลเล่ต์มานานมาก แรกๆ แอดมินก็อยากให้เรียนค่ะ อยากให้ฝึกสมาธิ แล้วก็อยากให้มีบุคคลิกดีๆติดตัวไป แต่พ่อบ้านและแม่ย่าเบรกไว้ ว่าบัลเล่ต์เนี่ย ค่าใช้จ่ายสูงมากนะ ลำพังค่าเทอม ค่าเรียนไม่เท่าไหร่ แต่จะแพงที่งานแสดง หรือ ที่เรียกกันว่าฮัปเปียวไก (発表会)

แอดมินก็เลยไปส่องไปสืบทั้งจาก Internet และก็คุยๆ ถามๆ จากแม่ๆ ที่โฮอิคุเอ็นที่ให้ลูกไปเรียนบัลเล่ต์มา ก็บวกลบคูณหาร กดเครื่องคิดเลขในมือถือ 555
แล้วก็ตัดสินใจว่าเอาน่ะ กัดฟันเพื่อลูกสาวสุดที่รัก

หลังจากนั้น แอดมินก็ติดต่อไปที่โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ใกล้ๆบ้าน เพื่อขอไปลองเรียนค่ะ และก็ตามคาดลูกสาวแฮปปี้ดี๊ด๊าขอมาเรียนทันที โดยปกติแล้วโรงเรียนที่สอนบัลเล่ต์ หรือ เปียโน ก็จะมีงานฮัปเปียวไก ปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นเป้าหมายให้นักเรียนซ้อมเพื่อจะได้พัฒนาตัวเอง ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อว่าการมีเป้าหมายให้มองไปและฝึกฝนจะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นค่ะ ซึ่งโรงเรียนที่แอดมินเลือกนั้น จะมีฮัปเปียวไกครั้งใหญ่ 2 ปีครั้งค่ะ

พอลูกสาวแอดมินเข้าไปเรียนได้สัก 2 เดือน ก็ได้รับแจ้งข่าวเรื่องฮัปเปียวไกที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม และอยากให้เข้าร่วมกัน... และเพราะลูกสาวเพิ่งเข้าไปเรียนได้ไม่นานเนี่ยแหละค่ะ ทำให้แอดมินไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจไว้ พอเจอค่าใช้จ่ายเข้าไปก็ตกใจกันไปเลยค่ะ เพราะปกติคนที่เข้าไปเรียนก่อนจะมีการสะสมเงินเพื่อฮัปเปียวไกจ่ายให้โรงเรียนพร้อมกับค่าเทอมที่เรียกว่า สึมิทาเทะ(積立)

ทีนี้มาดูค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกันค่ะ ว่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่

ค่าใช้จ่ายในการเรียนบัลเล่ต์นะคะ
1. ค่าเทอมเดือนละ 6500 เยน
2. ค่าบำรุงอุปกรณ์เดือนละ 1000 เยน
3. ค่าสะสมเพื่อการแสดงเดือนละ 3000-5000เยน

ค่าใช้จ่ายในการแสดงหรือฮัปเปียวไก
1. ค่าฮัปเปียวไกเฉลี่ยปีละ 1 ครั้ง 80000-100000เยน (จ่ายเฉพาะส่วนต่างจากที่สะสมไว้ค่ะ)
2. ค่าเช่าชุด 17000 เยน ค่าถุงน่องรองเท้าซาติน 6000 เยน
3. ค่าดีวีดีการแสดง 13000 เยน(บางที่ไม่คิดเพิ่ม)
4. ค่าเดินทางอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนไปซ้อม

หลังจากทำใจเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องฮัปเปียวไกได้แล้ว ก็คิดว่าแค่ชำระเงินไปแล้วที่เหลือจะได้ดูลูกแสดงสวยๆสบายๆ แต่เปล่าเลยค่ะ มีเรื่องที่คุณแม่ และคุณลูกต้องลงแรงกันอีกเยอะเลยด้วยค่ะ ซึ่งแอดมินก็ไม่คิดเลยว่าจะเหนื่อยมากมายขนาดนี้ 555

เริ่มจากจะมีคลาสเรียนเพิ่ม เพื่อฝึกซ้อมงานแสดงที่เราก็ต้องพาลูกไปซ้อม ซึ่งก็ต้องซ้อมรวมกับพี่ๆ ชั้นประถม ชั้นมัธยม มหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาราวๆ2-3 ชั่วโมง ยังไม่รวมถึงการซ้อมใหญ่ การซ้อมเพื่อจัดแสงอีกหลายครั้ง ทรงผมเกล้ามวยรวบเป๊ะทุกครั้งที่ไปซ้อมคุณแม่ต้องทำให้ รวมถึงชุดการแสดงที่บางโรงเรียนก็เช่า และบางโรงเรียนคุณแม่ต้องตัดเองค่ะ ซึ่งแอดมินยังโชคดีที่ไม่ต้องตัดเองใช้ชุดเช่า แต่การแก้ไซส์ขยับไซส์คุณแม่ก็ต้องทำเองค่ะ

จริงๆ แล้วถ้าลูกคุณแม่อยู่ประถมแล้ว เด็กๆ เริ่มไปซ้อมเองได้ก็จะสบายขึ้นค่ะ แต่วันที่ออกนอกสถานที่ไกลๆ ก็ยังต้องตามไปส่งกันอยู่ค่ะ

วันแสดงจริงแอดมินทำผมให้ลูกตอน 9 โมงเช้า ไปถึงสถานที่ฮัปเปียวไกราวๆ 11โมง เพื่อแต่งหน้าค่ะ โดยรองพื้นเบื้องต้นคุณแม่ต้องทาให้รวมไปถึงรองพื้นตัวด้วย ได้กินข้าวเที่ยงที่เตรียมกันไปนิดหน่อย ก็ไปซ้อมใหญ่ เปลี่ยนชุดไปมาเสร็จราวๆ 4 โมง และพักสัก 1 ชั่วโมงก็จะเริ่มงานจริงตอน 5 โมงเย็นค่ะ และเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างตอน 1 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลายาวนานมากๆ ซึ่งคุณแม่ก็ไม่ได้ดูการแสดงจริงนะคะ ก็คอยดูแลคุณลูกที่ข้างๆ และข้างหลังเวที

ถึงจะเหนื่อยและมีเรื่องให้ทำเยอะมาก แต่การแสดงจบไปด้วยดีค่ะ ที่น่าทึ่งมากๆคือไม่มีเด็กๆคนไหน งอแง ร้องไห้ขอกลับบ้าน หรือไม่เอาไม่อยากทำแล้วเลยค่ะ ทุกคนอดทนได้ดีมากๆ แอดมินรู้สึกได้เลยค่ะว่าเด็กๆรักบัลเล่ต์กันจริงๆ เด็กๆได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้รู้จักพี่ๆ ชั้นประถม ทุกคนน่ารักมากค่ะ มาคอยดูแลน้องเล็กๆ ตั้งแต่แจกขนมช่วยทารองพื้น เล่นกับน้อง ให้กำลังใจน้องๆ


แอดมินคิดว่าสิ่งที่เด็กๆได้รับจากการเรียนและ แสดงบัลเล่ต์ครั้งนี้นั้นมีเยอะพอดูเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกนับจังหวะ ฟังเสียงเพลงคลาสสิกที่ไม่มีเนื้อร้อง ฝึกความจำท่าทางต่างๆที่ต้องใช้แสดง นอกจากนั้นก็ยังได้ฝึกความกล้าแสดงออก ความอดทน รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากในการฝึกฝนและทำมันจนสำเร็จ มิตรภาพ ความสามัคคีกับพี่ๆเพื่อนๆ รวมถึงรู้จักการให้และการรับ คุณแม่เองก็ได้เพื่อนที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากงานนี้เช่นกันค่ะ

หลังจากจบงานแสดงไปแล้ว แอดมินก็ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามลูกสาวนะคะ คิดว่าจะเข็ดไม่อยากเรียนบัลเล่ต์ต่อแล้วหรือเปล่า แต่ไม่เลยค่ะ เธออยากเรียนต่อ และมีเป้าหมายว่าจะเต้นให้ได้เก่งๆ เหมือนพี่ๆค่ะ คุณครูที่โรงเรียนบอกว่า หลังจากเด็กๆ ได้ผ่านฮัปเปียวไกแล้ว เวลาเรียนเด็กๆ จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะค่ะ จะมีเป้าหมายและเข้าใจว่าตัวเองฝึกซ้อมเพื่ออะไร

แต่แอดมินก็ไม่รู้นะคะว่า ลูกสาวแอดมินจะเปลี่ยนไปจริงหรือเปล่า...

ถ้าแม่ๆ คนไหนสนใจอยากให้ลูกสาวเรียนบัลเล่ต์ก็ลองเก็บข้อมูลไปพิจารณาดูนะคะ

Post a Comment

0 Comments