แปลบทสัมภาษณ์ของธีราทรกับการเล่น J-League ใน Soccer Digest Part1


😅แอดมินไปดูบอลที่สนามก็หลายครั้ง จนป่านนี้ยังไม่ได้ลายเซ็นของธีราทรเลย อยากได้มากจนเก็บเอาไปฝันกันเลยเชียวแหละ ถึงแม้ในฝันก็ยังจะไม่ได้ลายเซ็นอี๊ก555

😍วันก่อนพ่อบ้านอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของธีราทรใน Soccer Digest ก็เลยส่งมาให้แอดมินอ่านด้วยค่ะ เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีทีเดียว ตอนนี้พอจะมีเวลาก็เลยอยากแปลให้คนไทยได้อ่านกันบ้างค่ะ



⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️

📝ฟังธีราทรนักกีฬาทีมชาติไทย พูดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการย้ายมาเล่นกับ Vissel Kobe และการได้ร่วมทีมกับอิเนียสต้า&โพดอลสกี้

⚽️ธีราทรได้ย้ายจากทีมเมืองทองยูไนเต็ด มาร่วมทีมกับ Vissel Kobe ในJ ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยลงเล่นให้กับVissel Kobe ไป22นัด จากการแข่งขันทั้งหมด 26นัด อะไรคือเหตุผลให้ธีราทรตัดสินใจทิ้ง Position ที่เมืองไทย ย้ายมาเล่นในญี่ปุ่น และเมื่อได้มายืนในสนามJลีกตามความฝันของเขาแล้ว ธีราทรรู้สึกอย่างไรกับ Jลีกบ้าง อยากให้ลองฟังLeftyที่ต่อสู้อยู่ในต่างแดนคนนี้กันดู

🔹Q: เหตุผลที่ทำให้คุณย้ายมาเล่นที่Jลีกคือ?

🔸A: เพราะว่า การได้มาเล่นที่ J ลีกคือความฝันของผม ไม่ใช่ทั้งยุโรปหรือ ออสเตรเลีย แต่คือ ญี่ปุ่น จริงๆแล้วไม่ใช่แค่Offer จากที่ Vissel Kobe ผมได้รับ Offer จากทางออสเตรเลียด้วย แต่ผมแทบไม่ลังเลอะไรเลย

🔹Q: ทำไมถึงอยากมาเล่นที่ Jลีกมากที่สุด?

🔸A: ผมประทับใจในความคิดและ Attitude ที่จริงใจของนักกีฬาฟุตบอลญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ตอนที่ผมอยู่ไทยก็ค่อยๆเห็นการเติบโตของวงการฟุตบอลญี่ปุ่นจนมาถึงทุกวันนี้ เห็นJลีกที่ค่อยๆมีการพัฒนา จนกระทั่งทีมญี่ปุ่นได้ไปWorld Cup ทั้งที่แต่ก่อนเนี่ย ต่อให้อวยก็ไม่สามารถพูดได้ว่าทีมจากเอเชียเป็นทีมที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้กลับเข้าไปโลดแล่นใน World Cup ผมคิดว่าความกระหายแบบนั้นมันยอดเยี่ยมมากเลยนะ และผมก็ประทับใจในความขยันของนักกีฬาญี่ปุ่นด้วย

🔹Q: พอได้มาเล่นที่ Jลีกจริงๆแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?

🔸A: ผมตกใจว่าระดับมันสูงว่าที่ผมคิดไว้ พูดตรงๆเลย ตอนแรกผมมั่นใจว่าผมเล่นได้ แต่พอเริ่มต้นจริงๆ ก็จะลึงไปเลย ผมแทบทำอะไรไม่ได้ ชื่อเสียงที่เมืองไทยไม่มีความหมายเลย ผมต้องทำให้เพื่อนร่วมทีมยอมรับโดยต้องรีเซตทุกอย่างใหม่หมด

🔹Q: ต้องรีเซตอะไรบ้าง ยกตัวอย่างได้ไหม?

🔸A: อย่างแรกคือทิ้งความผยองออกไป ที่ไทยผมถูกมองว่าเป็น Super Star แต่พอมาที่ญี่ปุ่น ชื่อของ ธีราทร บุญมาทัน คือชื่อที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก ความโด่งดัง=0 การรีเซตคือไม่ยึดติดกับชื่อเสียงตรงนั้น และ ต้องกลับมาเรียนรู้ทุกสิ่งใหม่ทั้ง แผนการเล่น ร่างกาย และ เทคนิคต่างๆ ด้วย

🔹Q: ไทยกับญี่ปุ่นต่างกันมากใช่ไหม?

🔸A: ใช่ครับ คือที่ไทยมีแข่งทุกวันจันทร์ พุธ และอาทิตย์ มีเวลาซ้อมแค่3 วัน แต่เราก็ยังลงสนามในbest condition ได้ แต่กับสปีดของบอลที่ญี่ปุ่นนี่ร่างกายเราไม่ไหวเลย ที่ไทยผมลงได้เต็มเกมส์ 90 นาที แต่ที่ญี่ปุ่นลงแค่ 60-70 ก็เหนื่อยจนขาผมก็แทบจะไม่มีแรงแล้ว ครั้งแรกที่ขาผมเป็นตะคริว ผมช้อกมาก

🔹Q: ถ้าให้มองย้อนไปดูการลงเล่นในลีก 20 นัดในฤดูกาลนี้ คิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?

🔸A: ผมดีใจมากที่ได้ลงแข่งนะ แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายกับกล้ามเนื้อผมก็พัฒนาขึ้นด้วย หลังจากแข่งจบก็ได้กลับมาวิเคราะห์จุดที่ผิดพลาด และหาทางปรับปรุงให้ติดเป็นนิสัย ได้รู้จุดอ่อนของตัวเองที่ไม่เคยรู้เพื่อนำมาต่อยอดในการพัฒนาตัวเองด้วย นอกเหนือจากนั้นคือผมรู้สึกภูมิใจมากที่มีโอกาสได้ลงสนามกับนักฟุตบอลระดับโลกอย่างอิเนียสต้า โพดอลสกี้ และ คิมซุนกิว

🔹Q: ได้เล่นกับนักกีฬาอย่างอิเนียสต้า และ โพดอลสกี้แล้วได้รับแรงบันดาลใจอะไรบ้าง?

🔸A: พวกเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก ผมต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเพื่อที่จะให้เล่นเข้ากับพวกเขาได้ แล้วก็มีเทคนิคต่างๆที่ให้ได้เรียนรู้จากพวกเขาอีกมาก

🔹Q: ได้รับคำแนะนำอะไรบ้างไหม?

🔸A: ในเรื่องการเล่นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมเคยเข้าไปถามครั้งหนึ่งว่า”อยากให้ผมเล่นแบบไหน” อิเนียสต้าตอบว่า “ไม่อยากให้คิดว่าต้องเล่นแบบไหนเพื่อผม งานของคุณก็คือการเล่นในสไตล์ของตัวเองให้ดีที่สุด” สำหรับ Attitude ที่จริงใจแบบนี้ อิเนียสต้าคือโปรเฟสชันนอลของจริงเลย

⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️⚽️

🔜ยังมีบทสัมภาษณ์ Part2 อีกนะคะ ไปติดตามกันได้ค่ะ

Post a Comment

0 Comments